New Volvo XC 90T8
โฉมเท่หน้าใหม่..แรงจัดจ้าน

LINE it!

    ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ขึ้นชื่อในรถวอลโว่ แต่ในด้านสมรรถนะดูจะไม่เป็นรองใคร โดยเฉพาะ  New Volvo XC 90 T8 Twin Engine ที่เป็นรถเอสยูวีเต็มขั้น ในสไตล์ Plug-in Hybrid ซึ่งได้รับออกแบบรูปโฉมใหม่ดูภูมิฐาน ภายในกว้างสบายหรูทันสมัยครบครัน ที่สำคัญมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2,000 ซีซี.กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังถึง 470 แรงม้า กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่สามารถตอบสนองความแรงออกมาได้ทันใจ   
 
   สำหรับ Volvo XC90 ใหม่นั้น มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อยในตลาดบ้านเรา เริ่มต้นที่รุ่น D5 AWD Momentum ตามด้วย T8 Twin Engine Momentem และรุ่นท็อปสุดคือ T8 Twin Engine Inscription  และในครั้งนี้ได้นำรุ่น T8 Twin Engine Momentum มาทดสอบ ซึ่งเป็นรถที่ประกอบในประเทศมาเลเซียเข้ามาจำหน่าย ทำให้สามารถปรับลดราคาจำหน่ายลงมาได้ถึง 900,000 บาท เมื่อเทียบกับตัวที่นำเข้ามาจากสวีเดน 



โฉมหน้าใหม่มีสไตล์

     รูปโฉมโดยรวมของ XC90 T8 Momentum เหมือนกับรุ่น D5 Momentum  จะต่างกันบ้างตรงที่รุ่น T8 ไม่มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้ แต่จะเป็นช่องเว้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์พร้อมไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแบบ Full-LED พร้อมระบบปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ สามารถหักเหตามการเข้าโค้ง รวมถึงมีระบบเปิด-ปิดสูง พร้อมปรับมุมส่องสว่างเ และเด่นด้วยไฟ Daytime Running Light แบบ LED ที่มีดีไซน์ แบบ ‘ค้อนเทพเจ้าธอร์’ ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นไฟเลี้ยวสีล้มได้ในตัว



     ขณะที่ฝากระโปรงหน้าปั้มเส้นสันใหม่ สอดรับกับเส้นสายที่คมชัดตลอดแนวยาวระดับหน้าต่างขอบล่างกับล้ออัลลอยสีเงินขนาด 19 นิ้ว ที่เลือกดีไซน์เป็นแบบ 6 ก้าน รวมถึงมีช่องฝาปิดสำหรับเสียบปลั๊กชาร์จไฟบริเวณเหนือซุ้มล้อซ้ายด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดที่วอลโว่ระบุว่าปลอดภัยจากการชนมากที่สุด และด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายแบบ LED เช่นกันที่ช่วยให้มองเห็นชัดเมื่อขับขี่ยามค่ำคืน



ภายในหรูทันสมัยเต็มขั้น      

     ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งด้วยสีเบจ Amber เบาะนั่งและแผงประตูหุ้มด้วยหนัง Nappa โดยมีหัวเกียร์ที่ทำมาจากคริสตัล Orrefors ซึ่งมีลักษณะคล้ายจอยสติ๊ก คือจะเด้งกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิมทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์  และมีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ออกแบบให้มีผิวสัมผัสลายเจียระไนของเพชร สามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยการหมุนไปทางขวาค้างไว้  และยังมีปุ่ม Drive Mode ที่สามารถปรับการทำงานของระบบขับเคลื่อนได้ 6 รูปแบบ 



      และบริเวณคอนโซลกลางติดตั้งหน้าจอระบบ Sensus แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ซึ่งรวบรวมเอาฟังก์ชั่นการทำงานระบบต่างๆเอาไว้ทั้งหมด สามารถใช้นิ้วเลื่อนสลับหน้าจอไปมาได้ง่าย พร้อมระบบนำทางในตัว ซึ่งสามารถใช้นิ้วในการซูมเข้า-ออกเพื่อดูสถานที่ในแผนที่ได้เลย โดยสามารถค้นหาจุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องแม่นยำ พร้อมติดตั้งมาตรวัดความเร็วแบบจอสีขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งสามารถเรียกดูข้อมูลการขับขี่ต่างๆ ผ่านปุ่มบริเวณพวงมาลัย และเหนือเพดานจะพบกับหลังคาแบบพาโนรามิคซันรูฟระบบไฟฟ้า 



      ส่วนระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4-zone แยกการทำงานทั้งซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง เบาะนั่งคู่หน้าสามารถปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมเมมโมรี่จำนวน 3 จุด รวมถึงมีระบบ Lumbar Support ปรับด้วยไฟฟ้าได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ที่สำคัญตัวเบาะรองก้นยังสามารถยื่นออกไปข้างหน้า เพื่อให้รองรับกับต้นขาของแต่ละคนได้ด้วย

     ด้านความบันเทิงได้ติดตั้งเครื่องเสียงแบบ High Performance Sound ให้กำลังขับสูงสุด 330 วัตต์พร้อมแอมปลิไฟเออร์ และลำโพงทั้งหมด 10 จุดรอบคัน สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่าน Bluetooth ได้ รวมถึงมีพอร์ด USB และ AUX มาให้ อีกทั้งยังรองรับระบบ Apple CarPlay ได้ด้วย



ขับสนุกกำลังแรงเกินคาด 

    ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซินความจุ 2.0 ลิตร แถวเรียง 4 สูบ Drive-E มาพร้อมระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์และซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุดเฉพาะเครื่องยนต์อยู่ที่ 320 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที ซึ่งจะใช้สำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หน้า  ส่วนพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดอยู่ที่ 87 แรงม้าสำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หลัง  โดยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อทำงานประสานกัน จะให้กำลังสูงสุด 407 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดถึง 640 นิวตัน-เมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีด ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล 


 
   ในการทดสอบครั้งนี้ทางค่ายวอลโว่ให้โอกาสสัมผัสกับ New Volvo XC 90 T8 Twin Engine รุ่นMomentem เพียงแค่วันเดียวในแบบไปเช้า-เย็นกลับ โดยเลือกใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี  ระยะทางโดยรวมประมาณ 200 กว่ากม. ซึ่งพอจะรับรู้ได้ถึงสมรรถนะโดยรวมที่ใครได้มาลองขับแล้วต้องติดใจ เพราะเครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี.แต่ให้พละกำลังได้อย่างเต็มที่เกินความคาดหมาย 



    ช่วงแรกของการทดสอบแค่สตาร์ทเครื่องแทบไม่ได้ยินเสียงเครื่อง เพราะเริ่มต้นการทำงานด้วยระบบไฮบริดทุกครั้งที่สตาร์ทเครื่องยนต์ โดยจะเครื่องยนต์จะทำงานคู่กันกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุด และถึงจะมีเวลาขับไม่มาก แต่บอกได้เลยว่าประทับใจกับสมรรถนะของรถรุ่นนี้ เริ่มตั้งแต่ออกตัวก็รับรู้ได้ทันทีถึงกำลังแรงบิดที่มีมากพอสามารถลากน้ำหนักรถขนาดเกือบ 2 ตันให้พุ่งตัวออกไปได้อย่างทันใจ 



     จากนั้นพอเติมคันเร่งเพิ่มเข้าไปรถก็วิ่งฉิ่วได้ทันที ทั้งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ที่มาพร้อมเทอร์โบและซุปเปอร์ชาร์จเจอร์  ต่างผสมผสานกันได้อย่างลงตัวทำให้พละกำลังเผยออกมาได้เต็มที่ พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติที่เปลี่ยนจังหวะในแต่ละเกียร์ได้อย่างต่อเนื่องราบรื่น เรียกความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.ได้ด้วยเวลาแค่นิดเดียว ทำให้รับรู้ถึงการขับขี่ที่ให้ความสนุกในทุกอัตราเร่ง 

     ระหว่างทางได้หันมาใช้โหมด PURE  เน้นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งเมื่อดูกำลังไฟที่อยู่ในแบตเตอรี่แล้วว่าเต็มก็สามารถลองให้โหมดนี้ได้เลย  โดยการขับขี่ในโหมดนี้จะให้ความเงียบสนิท เนื่องจากไม่มีการทำงานของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง  ซึ่งทางวอลโว่เคลมไว้ว่าสามารถวิ่งได้ถึง 40 กม. จึงช่วยให้ประหยัดได้ไม่น้อย และยังสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม. สามารถเร่งความเร็วจาก 0-120 กม./ชม. ได้โดยไม่ต้องพึ่งพากำลังจากเครื่องยนต์เลย แต่ต้องค่อย ๆ ให้ความเร็วเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ     



     แต่ถ้าต้องความแรงแบบถึงใจต้องเรียกใช้บริการโหมด POWER  ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับการขับขี่แบบสปอร์ตมากขึ้น โดยเครื่องยนต์จะทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อรีดกำลังให้ได้มากที่สุด  ทำให้สามารถเค้นกำลังออกมาได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเร็วระหว่าง 80-120 กม./ชม.ใช้เวลาแป๊บเดียวและสามารถเร่งต่อไปที่ 150 กม./ชม.ได้อย่างสบาย และในช่วงเร่งเครื่องแบบนี้ยังมีระบบที่สร้างเสียงสังเคราะห์เพื่อให้เสียงเครื่องยนต์เร้าใจยิ่งขึ้นด้วย   



     มาถึงช่วงล่างของรถรุ่นนี้ที่มีระบบกันสะเทือนหน้าอิสระในรูปแบบของปีกนก 2 ชั้น และด้านหลังที่ได้รับการออกแบบมาโดยใช้แขนกลต่างๆ ที่ทำงานสัมพันธ์กับเหล็กสปริงแบบแบนวางขวางลำตัวรถ จึงการให้การทรงตัวดีไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ใช้ความเร็วสูงระดับ 150 กม./ชม.ตัวรถยังวิ่งนิ่ง หรือแม้แต่ช่วงคอสะพานยังวิ่งผ่านแบบไม่ต้องกลัวเป้  พร้อมกับทางโค้งกว้างที่เร่งเข้าได้อย่างมั่นใจ  รวมถึงความนุ่มนวลจัดว่าใช้ได้ไม่ถึงนุ่มมากเพราะเจอถนนขรุขระก็มีความสะเทือนให้รู้สึกบ้าง 



     นอกจากนี้ยังมีโหมด AWD  ซึ่งใช้สำหรับการขับขี่บนถนนเปียกโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่อย่างเหมาะสม เพื่อให้รถเกาะถนนได้ดีที่สุด   พร้อมกับโหมด OFF-ROAD ที่เหมาะกับการขับขี่บนทางออฟโรด โดยการเลือกโหมดนี้ความเร็วจะต้องใช้ไม่เกิน 20 กม./ชม. ซึ่งเท่ากับเป็นการบังคับให้ใช้ในกรณีที่ต้องปีนป่าย หรือขับลุยบนทางโคลน ทั้งนี้เพราะจะกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้า-หลังแบบ 50:50 เพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคได้



     และเมื่อเดินทางถึงสวนสัตวเปิดเขาเขียว จึงได้ทำการทดสอบการขึ้นเขาลาดชัน ด้วยระบบที่อำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยในการลงที่ลาดชัน กับระบบช่วยในการขึ้นที่ลาดชัน  รวมถึงการใช้เกียร์ B และการใช้ Drive Mode ต่างๆ     

     ปิดท้ายด้วยระบบ Pilot Assist ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในช่วงจราจรติดขัด ซึ่งระบบจะทำการขับขี่ตามรถคันหน้าให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งและเบรก รวมถึงไม่ต้องจับพวงมาลัยเลยก็ได้ ซึ่งระบบนี้ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. โดยอาศัยเส้นแบ่งจราจรบนถนน ดังนั้นในช่วงที่เส้นถนนขาดหายไป ระบบนี้จะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติทันที

     สรุปโดยรวมแล้ว  New Volvo XC 90 T8   รุ่นนี้ เพียบพร้อมทั้งรูปโฉมที่ดีไซน์ได้โดนใจ  ภายในหรูหราใส่ใจในรายละเอียด พร้อมกับเด่นสุดขุมพลังแบบทวินเอ็นจิ้น ที่สามารถให้กำลังได้เร็วแรงทันใจ ส่งผลให้ขับสนุกทุกอารมณ์ ให้นุ่มนวลใช้ได้ และยังให้การทรงตัวเกาะถนนเยี่ยม รวมถึงความปลอดภัยที่ทันสมัยและให้ความประหยัดมากขึ้นในราคา 4,490,000 บาท